ทำคลังสินค้าให้ปังใน ปี 2022 ควรมีสิ่งใดบ้าง?

ปัจจุบันเทรนการใช้บริการคลังสินค้า (Fulfillment) มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆตามอัตราการเติบโตของธุรกิจ E-Commerce โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่ทำให้ผู้คนต่างปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคจากที่เคยสั่งซื้อสินค้าจากหน้าร้าน หรือการซื้อสินค้าแบบออฟไลน์ เปลี่ยนมาเป็นการซื้อสินค้าแบบออนไลน์แทน และหลายธุรกิจออนไลน์มักจะไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ ซึ่งจะมีปัญหาที่ตามมาคือ หากขายสินค้าออนไลน์ จะเก็บสินค้าไว้ที่ไหน จะแพ็คของอย่างไร ต้องเสียเวลาไปส่งของอีก ซึ่งหลายๆธุรกิจเลยมองหาพาร์ทเนอร์คลังสินค้าที่จะมาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ครบวงจร โดยที่ร้านค้าไม่ต้องแบกรับภาระนี้เอง ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสทองของคลังสินค้าที่เติบโตไปพร้อมกับธุรกิจออนไลน์เลยทีเดียวครับ วันนี้ผมเลยจะมาแชร์สิ่งสำคัญที่จะใช้ในการจัดระบบคลังสินค้าในปี 2022 มาให้ทุกคนได้ทราบกันครับ 🙂

1.คลังสินค้าควรมีระบบ Automated Warehouse

ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจะดีกว่าไหมหากปรับเปลี่ยนระบบการทำงานแบบเดิมๆ แล้วนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้งานกับคลังสินค้า โดยเทคโนโลยีและระบบ Software จะเข้ามาช่วยให้คลังสินค้าทำงานได้อย่างรวดเร็ว และเป็นระบบมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันมีคลังสินค้าที่ได้บุกเบิกการนำเทคโนโลยีมาใช้งาน เช่น การนำหุ่นยนต์มาใช้ในคลังสินค้า Amazon ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยีแทนแรงงานคนในการทำงาน เพื่อลดความผิดพลาดของ Human error อีกทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนในการจ้างงานแรงงานคนอีกด้วย นอกจากเทคโนโลยีที่ใช้ในคลังสินค้าจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้นแล้ว เพราะระบบสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่มีเวลาพัก อีกทั้งยังช่วยลดเวลาในกระบวนการแพ็คจนถึงส่งถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

2.การใช้งานขนส่งของ Third Party Logistics

ปัจจุบันบริษัทขนส่งมีการแข่งขันในด้านราคากันอย่างดุเดือด เพื่อสร้างโอกาสในการดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการ ซึ่งแต่ละขนส่งต่างมีกลยุทธ์มากมาย เช่น การลดราคาค่าส่ง หรือจะเป็นการส่งของให้ถึงลูกค้าปลายทางในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทั้งนี้นับว่าเป็นผลประโยชน์ของคลังสินค้าที่สามารถเลือกใช้บริการขนส่งที่ราคาถูก และมีการจัดส่งที่รวดเร็วตรงกับความต้องการของคลังสินค้า โดยที่คลังสินค้าไม่จำเป็นต้องออกไปส่งเอง แต่สามารถเปลี่ยนมาใช้บริการขนส่งที่เป็นพาร์ทเนอร์กับทางคลังเพื่อให้ขนส่งทำหน้าที่ในส่วนนี้แทน และคลังสินค้าเองก็จะมีเวลาเพื่อไปดูแลงานในส่วนอื่นได้มากขึ้นครับ 🙂

3.คลังสินค้าควรมีระบบ Big Data

ปัจจุบัน Big Data เข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการทำธุรกิจ E-commerce ที่มีการซื้อขายบนระบบออนไลน์ ส่งผลให้เกิดข้อมูลต่างๆอย่างมหาศาลบน System เช่น ประวัติคำสั่งซื้อ ข้อมูลที่อยู่ และจำนวนซื้อขายสินค้า ซึ่ง Big Data จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คลังสินค้าสามารถใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลเหล่านี้ของลูกค้าที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคลังสินค้าสามารถนำ Big Data มาวิเคราะห์หรือวางแผนตามพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าได้ เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดทางธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นว่าลูกค้ามีการเลือกซื้อสินค้าอย่างไร เพื่อเสนอขายสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในภายภาคหน้าได้

จากทุกข้อที่ผมกล่าวไปข้างต้น คือ คลังสินค้าควรมีระบบ Automated Warehouse , การใช้งานขนส่งของ Third Party Logistics และ คลังสินค้าควรมีระบบ Big Data ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสำคัญที่คลังสินค้าควรมีในปี 2022 ครับ เพราะนอกจากจะทำให้คลังสินค้ามีความสะดวกสบายในการทำงานมากขึ้นแล้ว ยังประหยัดต้นทุนแรงงานคน ลดความผิดพลาดในการทำงานที่เกิดจากคนและลดเวลาการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าเพื่อนำข้อมูลไปใช้ในด้านการตลาดต่ออีกด้วยครับ ทั้งนี้คลังสินค้าแต่ละที่อาจจะมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายแตกต่างกันไป ซึ่งผู้อ่านอาจจะนำข้อมูลในบทความนี้ไปใช้งานหรือปรับเปลี่ยนตามที่ต้องการเพื่อให้ตรงกับเป้าหมายและเกิดประโยชน์สูงสุดกับคลังสินค้าของผู้อ่านต่อไปได้ครับ 🙂

สนใจใช้บริการ fulfillment สามารติดต่อได้ที่

Tel: 02-278-2900
Line:@dpxecommerce
Email: [email protected]
วันจันทร์ ถึง ศุกร์ 08.30-17.00 และวันเสาร์ 08.30-16.00

หรือ คลิกที่นี่ เพื่อสอบถามค่าบริการและขอรับคำปรึกษา

ผู้ให้บริการ fulfillment ชั้นนำ ของประเทศไทย การันตีด้วยการทำงานมาตรฐานระดับโลก และลูกค้าชั้นนำมากมาย เชื่อมต่อครบทุกแพลตฟอร์มชั้นนำ

บริการของเรา

ติดต่อเรา

60 อาคาร dpx ซอยอารีย์ 5 เหนือ
ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท
เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
จันทร์ – ศุกร์ 8.30-17.00
เสาร์ 8.30 – 16.00

Tel: 02-278-2900
Fax: 02-278-2600
Email: [email protected]